
ปกติแล้วหากคนเรายังมีชีวิตอยู่คนรู้จักก็ต้องสามารถติดต่อหรือรับรู้ได้ว่าเวลานี้บุคคลดังกล่าวน่าจะอาศัยอยู่ที่ใด แต่สำหรับบุคคลที่สูญหายหรือเกิดการหายตัวไปของบุคคลคือบุคคลที่ไม่ได้ถูกยืนยันว่าเสียชีวิตเพียงแต่เขาอาจไปอยู่ยังพื้นที่หรือบริเวณใดบริเวณหนึ่งของโลกที่ไม่มีคนรู้จักเขา ไม่สามารถติดต่อได้ หรือต่อให้เสียชีวิตก็ตามหากไม่พบศพที่พิสูจน์ตัวตนได้ว่าเสียชีวิตแล้วก็ยังถือว่าเป็นหายตัวไปของบุคคลไม่ได้เป็นการเสียชีวิตซึ่งในความหมายนี้จะมีอีกศัพท์ทีเรียกว่า การสาบสูญของบุคคลนั่นเอง ว่าด้วยเรื่องของการหายไปของบุคคล ตามมาตรา 61 ของรัฐธรรมนูญได้มีการระบุเอาไว้ว่าหากบุคคลใดได้มีการจากไปจากภูมิลำเนาหรือจากถิ่นที่อยู่ของตนเอง และไม่มีใครรู้ได้แน่ชัดว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ตลอดระยะเวลาทั้งหมด 5 ปี เมื่อเกิดผู้มีส่วนได้เสียหรือตัวพนักงานอัยการร้องขอ ศาลจะระบุให้บุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลสาบสูญได้ อย่างไรก็ตามระยะเวลาดังกล่าวสามารถลดลงเหลือ 2 ปี ได้นับตั้งแต่ นับตั้งแต่วันการรบหรือสิ้นสุดสงคราม หากบุคคลดังกล่าวอยู่ในการรบหรือสงครามและได้หายไปจากการบหรือสงครามนั้น นับตั้งแต่วันที่ยานพาหนะที่บุคคลได้เดินทางเกิดการอับปาง ถูกทำลายหรือสูญหายไป นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุอันตรายกับชีวิตนอกจากที่ได้ระบุเอาไว้ในข้อ 1 กับ 2 ได้ผ่านพ้นไปแล้วถ้าบุคคลดังกล่าวตกอยู่ในอันตรายที่ว่าไว้ สำหรับผู้ที่ไม่อยู่ศาลมีสิทธิ์ออกคำสั่งให้กลายเป็นบุคคลสาบสูญซึ่งกฎหมายได้ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าถึงแก่ความตาย หากกรณีถึงแก่ความตายตามแง่กฎหมายหลักเกณฑ์ของการจะขอให้บุคคลนั้นๆ เป็นบุคคลสาบสูญได้ต้องระบุตามมาตรา 61 คือ ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าบุคคลดังกล่าวยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เกินเวลา 5 ปี กรณีธรรมดาทั่วไปตามที่ได้ระบุเอาไว้ สำหรับผู้ได้เสียที่สามารถยื่นคำร้องต่อศาลได้ต้องเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากความตายของผู้สาบสูญเพียงเท่านั้นจึงมีสิทธิ์ขอได้ เช่น Read More …